ภูมิธรรม ถกผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ชวนลงทุนแลนด์บริดจ์ในไทย

11 กรกฎาคม 2567
ภูมิธรรม ถกผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ชวนลงทุนแลนด์บริดจ์ในไทย

“ภูมิธรรม” หารือผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ชวนลงทุนแลนด์บริดจ์ เน้นอุตสาหกรรมอนาคต ยานยนต์สมัยใหม่ พลังงานสะอาด พร้อมดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทยเพิ่ม

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายโคมูระ มาซาฮิโระ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นว่า การพบกันครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้เน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุน การแก้ปัญหาร่วมกัน

พร้อมได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) ของไทย ที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าและการขนส่งที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลกในอนาคตที่จะเชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย

รวมทั้งเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งที่เป็นยานยนต์สันดาปและยานยนต์สมัยใหม่ และลงทุนในพื้นที่ EEC สำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ อาทิ เครื่องมือแพทย์ หุ่นยนต์ และพลังงานสะอาดอีกด้วย

“สำหรับภาคอุตสาหกรรมช่วงเปลี่ยนผ่านต้องมีแผนรองรับอย่างเหมาะสมให้เข้ากับกติกาโลกใหม่ เชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปรับตัวแล้ว ทั้งยานยนต์สันดาป และยานยนต์ไฟฟ้า ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และไทยมีความได้เปรียบด้านโลจิสติกส์ จะสามารถใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตได้

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หารือเรื่องการเดินทางระหว่างกัน ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและในด้านธุรกิจ โดยตนได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้มาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ล่าสุดรัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการออกมาตรการอำนวยความสะดวกให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น โดยขยายเวลาให้สามารถพำนักในประเทศไทยได้จากเดิม 30 วัน เป็น 60 วัน ให้นักธุรกิจญี่ปุ่นมีเวลาในการเจรจาธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น มีเวลาเรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจไทยในการเดินทางไปยังญี่ปุ่นเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ไทยได้แสดงความพร้อมในการจัดทำอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงานเอ็กซ์โป 2025 ที่จะจัดขึ้นที่โอซากา (Expo 2025 Osaka Kansai) ในการนำศักยภาพของภูมิปัญญาของไทย ผสานกับศาสตร์ทางการแพทย์สมุนไพรไทยและนวัตกรรม รวมถึงอาหารแห่งอนาคต ซึ่งถือเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ของไทยที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมการจัดแสดงครั้งนี้ด้วย

ปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย โดยในช่วง 5 เดือนของปี 2567 (มกราคม-พฤษภาคม) มีมูลค่าการค้ารวม 21,431.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 9,678.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้ามูลค่า 11,752.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังญี่ปุ่น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น

สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากญี่ปุ่น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น

สำหรับความสัมพันธ์ไทยและญี่ปุ่น มีความใกล้ชิดกันมายาวนาน ปีนี้ครบรอบ 137 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ และเมื่อปี 2565 ได้ยกระดับเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” ซึ่งญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ของไทย มีบริษัทญี่ปุ่นลงทุนในไทยเกือบ 6,000 ราย


แหล่งที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.